หลายคนคงคิดเหมือนกันว่าตู้ปลาเราต้องมีปลาที่ทำหน้าที่เป็นเทศบาลรักษาความสะอาดประจำตู้สักตัวนึงตัวเลือกของปลาชนิดนี้ก็มีให้เลือกมากมาย แต่ที่จะพูดถึงวันนี้คือปลาหมู
ตอนที่ผมซื้อมานั้นผมเลือกและตั้งใจมากๆว่าเอาตัวที่เล็กที่สุดที่ร้านเพราะว่าต้องการให้มันตัวเล็กๆนานๆ แล้วก็ไม่ได้ศึกษาข้อมูลของมันมาก่อนเลยว่ามันกินอะไรอยู่ยังไงนิสัยยังไง จะวุ่นวายกับปลาตัวอื่นหรือปล่าว
ปลากฏว่าซื้อมาตอนแรกมันน่ารักมากเพราะว่ามันว่ายอยู่ก้นตู้ตลอดเวลาหาอะไรก้นตู้กินได้ทั้งวัน คิดในใจว่าคิดถูกมากๆที่เลือกมันมาแล้วมันก็ไม่ไปไล่ตอดปลาตัวอื่นในตู้ด้วย
ต่อมาเริ่มสังเกตได้ชัดเจนว่าตัวมันโตขึ้นเร็วมากๆ ผ่านไปหนึ่งเดือนมันโตขึ้นเห็นๆเลย อ่านไปสองเดือนโอ้พระเจ้ามันโตแล้วอ้วนกินเก่งมาก จนตอนนี้จะโตกว่าปลาทองตัวละสิบบาทในตู้ผมแล้ว
และสุดท้ายมันก็เริ่มไล่ตอดปลาตัวอื่นในตู้ ก็ขอบอกเตือนกันไว้ละกันครับว่าปลาหมูอย่าซื้อเลย ลองสายน้ำผึ้งหรือพันธ์อื่นๆ และศึกษาหาข้อมูลกันดีดีก่อนซ์้อนะครับผม ไม่งั้นได้อึ้งแบบผมแน่นอน
วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555
ตะกอนก้นตู้หายไปด้วย ใยกรองกับกรองข้าง
หลายคนเลี้ยงปลาตัวเล็กๆหรือว่าเพาะปลาหรือกุ้ง คงเจอปัญหาที่ว่าพื้นตู้จะสกปรกเต็มไปด้วยตะกอนขี้ปลาและเศษอาหารสีน้ำตาล เยอะมากๆ แล้วก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าจะดูดออกก็จะติดลูกปลาหรือลูกกุ้งออกมาด้วย ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้คือการใช้กรองข้างแล้วพันรูท่อดูดน้ำออกด้วยใยแก้วสำหรับกรองน้ำ ผลออกมาได้น่าพอใจมากทีเดียวครับ
มันช่วยให้ตะกอนสีน้ำตาลข้างล่างตู้ที่เป็นเศษอาหารและขี้ปลาหายไปได้อย่างไร?
ก็เพราะว่าน้ำที่ไหลลงมาจากกรองข้างจะทำให้น้ำมีการไหลแบบเฉื่อยๆซึ่งก็จะไปกวนตะกอนที่อยู่ก้นตู้ให้ฟุ้งขึ้นมาเป็นละอองเล็กๆลอยขึ้นมา จากนั้นก็จะลอยวนเวียนไปมาตามกระแสน้ำ จนถูกดูดไปติดใยแก้วที่เราพันไว้กับช่องดูดน้ำในที่สุด
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ตะกอนสีน้ำตาลก้นตู้หายไปได้โดยที่เราไม่ต้องใช้สายยางดูดออกมาเองและไม่ต้องเสี่ยงที่จะสูญเสียลูกปลา ลูกกุ้งเลยสักตัวเดียว
สภาพน้ำในตู้ก็จะใสอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการใช้วิธีการกรองแบบดัดแปลงนี้เหมาะสำหรับตู้ปลาที่เพาะกุ้งหรือปลาที่มีขนาดเล็กมากๆ อย่างกุ้งแคระ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเลี้ยงไปเรื่อยๆจะมีเศษขี้ปลาเศษอาหารที่แปลสภาพเป็นตะกอนสีน้ำตาลก้นตู้สะสม
จากนั้นก็จะเกิดหนอนแดงขึ้นก้นตู้ตามมา และแมลงน้ำตัวสีดำๆเล็กๆซึ่งไม่มีทางที่จะแยกมันออกให้หมดได้อย่างแน่นอนถ้าหากว่าเราไม่ใช้การกรองแบบนี้มาช่วย
สำหรับการดูแลเพิ่มเติมก็คอยสังเกตใยแก้วว่ามีสีขุ่นมากก็เอาไปซักหรือเปลี่ยนใหม่เป็นระยะ สำหรับขี้ตะไคร่ข้างตู้ก็ปล่อยด้านหลังเอาไว้หรือด้านข้างด้วยก็ได้ถ้าหากว่าดูแค่ด้านหน้าตู้อย่างเดียว จะยิ่งทำให้ตู้ของเรามีอาหารให้ลูกปลา หรือลูกกุ้งมากขึ้นไปเรื่อยๆ การถ่ายน้ำก็ดูตามความเหมาะสม อาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 20-40 เปอร์เซ็นโดยประมาณ
จากการทดลองของผมพบว่าไม่มีลูกกุ้งลูกปลาตายให้เห็นเลย ตัวใหญ่ก็ยังอยู่ดี ตอนนี้รอให้ลูกกุ้งที่เพิ่งออกมาไม่นานนี้โตกันเร็วๆจะได้คึกคักสักทีหลังจากที่รอมาสองเดือนได้...
วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555
เดินร้านปลาสวยงามสังเกตให้ดี
สวัสดีนะครับผม เวลาที่เราไปเดินดูปลาสวยงามที่ร้านนั้น สิ่งที่ทุกคนลืมมองนั้นมีหลานเรื่องเลยครับ ซึ่งมันก็เกิดขึ้นกับตัวผมเองมาแล้วก็เลยเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่เรามักจะลืมสังเกตในร้านขายปลาสวยงามนั้นมีอะไรบ้าง
เรื่องที่เราไม่ควรลืมเรื่องแรกก็คือ สังเกตดูว่าในร้านมีปลาตายหรือไม่ หากว่ามีปลาตายอยู่ในตู้แนะนำว่าอย่าซื้อ เพราะมีโอกาสที่ปลาตัวอื่นจะเป็นโรคและตายได้ รวมถึงอาการของปลาในตู้นั้นๆด้วยว่ามีความสดใสร่าเริงหรือไม่ มีอาการซึม ไม่ว่ายน้ำหรือปล่าว
พื้นทางเดินในร้านเปียกตลอดเวลาหรือไม่ เรื่องนี้ผมเชื่อว่าหลายคนไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่เพราะคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับปลาในตู้ แต่เคยอ่านเรื่องเชื้อราจากหนังสือเกร็ดเลี้ยงปลามาครับบอกว่า ความชื้นที่พื้นที่มีน้ำขังตลอดเวลานั้นจะมีเชื้อราระเหยออกมาอยู่ตลอดเวลา เมื่อไประเหยเหล่านั้นสัมผัสกับกระจกหรือหลอดไฟในตู้ปลาก็จะเกิดเป็นรา และเกาะตัวกันเรื่อยๆจนร่วงหล่นลงมาในตู้ปลาในที่สุด ซึ่งก็จะทำให้ปลาเป็นโรคต่อไป
การให้ออกซิเจนปลากับความหนาแน่นของปลาในตู้ที่ขาย ถ้าหากว่ามีปลาจำนวนมากในตู้เล็กๆซึ่งถ้าเทียบกันแล้วดูว่าแออัดก็ให้ระวังเรื่องของโรคต่างๆของปลา ไม่ว่าจะเป็นเน่า เปื่อย ตกขาว จุดขาว ฯลฯ
ซึ่งโรคต่างๆที่ว่ามานี้จะไม่แสดงอาการตอนอยู่ที่ร้าน แต่จะแสดงออกตอนที่ลงน้ำใหม่ในตู้ของเรา และเป็นอย่างรวดเร็ว อย่างที่ใครหลายคนบ่นกันว่าซื้อมาวันเดียวตายเลยเป็นต้น
เรื่องเหล่านี้บางทีเราก็ไม่ต้องมองให้ละเอียดยิบก็ได้นะครับผม ซึ่งเราก็ใช้วิจารณยานในการเลือกซื้อเลือกดูเอาเอง ประสบการณ์จะสอนเราให้รู้เรื่องต่างๆได้ดีเองครับ ไม่ลองไม่รู้จริงๆ...
เรื่องที่เราไม่ควรลืมเรื่องแรกก็คือ สังเกตดูว่าในร้านมีปลาตายหรือไม่ หากว่ามีปลาตายอยู่ในตู้แนะนำว่าอย่าซื้อ เพราะมีโอกาสที่ปลาตัวอื่นจะเป็นโรคและตายได้ รวมถึงอาการของปลาในตู้นั้นๆด้วยว่ามีความสดใสร่าเริงหรือไม่ มีอาการซึม ไม่ว่ายน้ำหรือปล่าว
พื้นทางเดินในร้านเปียกตลอดเวลาหรือไม่ เรื่องนี้ผมเชื่อว่าหลายคนไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่เพราะคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับปลาในตู้ แต่เคยอ่านเรื่องเชื้อราจากหนังสือเกร็ดเลี้ยงปลามาครับบอกว่า ความชื้นที่พื้นที่มีน้ำขังตลอดเวลานั้นจะมีเชื้อราระเหยออกมาอยู่ตลอดเวลา เมื่อไประเหยเหล่านั้นสัมผัสกับกระจกหรือหลอดไฟในตู้ปลาก็จะเกิดเป็นรา และเกาะตัวกันเรื่อยๆจนร่วงหล่นลงมาในตู้ปลาในที่สุด ซึ่งก็จะทำให้ปลาเป็นโรคต่อไป
การให้ออกซิเจนปลากับความหนาแน่นของปลาในตู้ที่ขาย ถ้าหากว่ามีปลาจำนวนมากในตู้เล็กๆซึ่งถ้าเทียบกันแล้วดูว่าแออัดก็ให้ระวังเรื่องของโรคต่างๆของปลา ไม่ว่าจะเป็นเน่า เปื่อย ตกขาว จุดขาว ฯลฯ
ซึ่งโรคต่างๆที่ว่ามานี้จะไม่แสดงอาการตอนอยู่ที่ร้าน แต่จะแสดงออกตอนที่ลงน้ำใหม่ในตู้ของเรา และเป็นอย่างรวดเร็ว อย่างที่ใครหลายคนบ่นกันว่าซื้อมาวันเดียวตายเลยเป็นต้น
เรื่องเหล่านี้บางทีเราก็ไม่ต้องมองให้ละเอียดยิบก็ได้นะครับผม ซึ่งเราก็ใช้วิจารณยานในการเลือกซื้อเลือกดูเอาเอง ประสบการณ์จะสอนเราให้รู้เรื่องต่างๆได้ดีเองครับ ไม่ลองไม่รู้จริงๆ...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)